Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

10 วิธี ลดคาร์บอน ลดโลกร้อนได้ง่ายๆ เริ่มที่ตัวเรา

10 วิธี ลดคาร์บอน ลดโลกร้อนได้ง่ายๆ เริ่มที่ตัวเรา

การดำเนินชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและร่วมมือในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นจากการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ และคุกคามความอยู่รอดของมนุษย์ในอนาคต ดังนั้น วิธีการลด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นมาตรการที่สำคัญยิ่งที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมปฏิบัติ

แม้ว่ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่และภาครัฐจะมีบทบาทหลักในการกำหนดนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้ แต่ในระดับบุคคล เราทุกคนก็สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนในระยะยาว วันนี้ Solwer ขอนำเสนอแนวทางและเทคนิคง่ายๆ ที่เราสามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อ ลดคาร์บอน และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 

ทำความรู้จักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คืออะไร

ที่อุณหภูมิห้องจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เกิดจากอะตอมของคาร์บอนและออกซิเจน ก๊าซที่พบมากเป็นอันดับสี่ที่พบในชั้นบรรยากาศของโลกถัดจากไนโตรเจน ออกซิเจน และอาร์กอน CO2 อาจเป็นของเหลวหรือของแข็งก็ได้ ในรูปแบบของแข็ง CO2 เรียกว่าน้ำแข็งแห้ง

คาร์บอนไดออกไซด์มีบทบาทสำคัญในวัฏจักรคาร์บอนของโลก ซึ่งเป็นกระบวนการหมุนเวียนของคาร์บอนระหว่างบรรยากาศ พืช สัตว์ ดิน และมหาสมุทร โดยสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งมนุษย์ สัตว์ เห็ดรา และจุลินทรีย์ ล้วนผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ ในขณะที่พืชจะดูดซับก๊าซนี้ไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา กิจกรรมของมนุษย์ได้ส่งผลให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่อวัฏจักรคาร์บอนตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ คาร์บอนไดออกไซด์จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

factory releasing carbon dioxide

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาจากไหน

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบสำคัญในบรรยากาศของโลก โดยมีแหล่งที่มาทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ ในธรรมชาติ ก๊าซนี้เกิดขึ้นจากหลายกระบวนการ เช่น การหายใจของสิ่งมีชีวิต การย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์โดยจุลินทรีย์ และการระเหิดของน้ำแข็งแห้งในบางพื้นที่ นอกจากนี้ ภูเขาไฟที่ปะทุก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของกิจกรรมมนุษย์ แหล่งที่มาหลักของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คือการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า การตัดไม้ทำลายป่าก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการดูดซับก๊าซนี้

กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น การผลิตปูนซีเมนต์ ก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเช่นกัน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน โดยเฉพาะการเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ก็ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น

การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ โดยเฉพาะจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น การเข้าใจแหล่งที่มาของก๊าซนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

อันตรายจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

อันตรายจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อร่างกาย

  1. การสะสมของ CO2 ในอาคารที่มีการระบายอากาศไม่ดีสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

  2. ผลกระทบของ CO2 ความเข้มข้นสูงในร่างกาย:
    – อาการเบื้องต้น: เซื่องซึม สับสน อารมณ์แปรปรวน ปวดหัว สมาธิสั้น วิงเวียน อาเจียน และคลื่นไส้
    – อาการรุนแรง (ที่ความเข้มข้นสูงมาก): หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง โคม่า ขาดอากาศหายใจ และชัก
    – ผลระยะยาว: อาจทำลายอวัยวะสำคัญอย่างถาวร เช่น หัวใจและสมอง
  3. การออกกำลังกายสามารถเร่งให้เกิดอาการได้ เนื่องจากร่างกายใช้ออกซิเจนมากขึ้นและผลิต CO2 เพิ่มขึ้น
  4. CO2 ยังมีผลกระทบทางอ้อมต่อสุขภาพผ่านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพอากาศและเพิ่มความรุนแรงของมลพิษอื่น ๆ เช่น โอโซนและอนุภาคต่าง ๆ

อันตรายจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อสิ่งแวดล้อม

  1. CO2 เป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  2. กลไกการทำงานของ CO2:
    – ทำหน้าที่เป็นก๊าซ ‘กักความร้อน’ โดยดูดซับและกักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศ
    – ส่งผลให้เกิด “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น
  3. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก:
    – ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
    – เพิ่มความเสี่ยงของภัยแล้งและไฟป่า
    – สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและทำลายระบบนิเวศ
  4. การตอบสนองระดับโลก:
    – เกิดความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
    – การลดแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอน (เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล) ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศโดยรวม

10 วิธี ลดคาร์บอน ด้วยตัวเอง

1. ประหยัดพลังงานจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไข ซึ่งการประหยัดพลังงานที่ใช้ภายในบ้านเป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน เป็นก้าวแรกที่สำคัญ เช่น การปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน การเลือกใช้หลอดไฟประสิทธิภาพสูง และการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงาน เป็นต้น นอกจากนี้ การตรวจสอบและปรับปรุงระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบท่อน้ำภายในบ้านให้มีสภาพดี ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

ผลจากการลดการใช้พลังงาน จะส่งผลให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศลดลงตามไปด้วย เนื่องจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อนส่วนใหญ่ ยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานหลัก ซึ่งการลดการใช้พลังงานเหล่านี้จะส่งผลให้ปริมาณมลพิษลดลง และช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

นอกจากประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว การประหยัดพลังงานในบ้านยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของแต่ละครัวเรือน เป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการของทุกคน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และสามารถนำเงินที่ประหยัดได้ไปใช้ในด้านอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานภายในบ้านจึงเป็นก้าวสำคัญที่ทุกครัวเรือนควรให้ความสำคัญ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ในระยะยาว

BTS skytrain

2. เดินทางด้วยรถสาธาณะแทนการขับรถ

ในกรุงเทพมหานคร ถึง 40% ของการปล่อยคาร์บอนเกิดจากการจราจร ซึ่งหากเราสามารถเปลี่ยนมาใช้วิธีการเดินทางที่ลดการใช้พลังงานฟอสซิลได้ ก็จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึงหลายตันต่อปี

ลองเปลี่ยนมาเดิน ขี่จักรยาน นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือเรือด่วน ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานฟอสซิล นอกจากจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ยังสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ในการเดินทางอีกด้วย

การหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือเลือกวิธีเดินทางที่ลดการใช้พลังงานฟอสซิล นับเป็นก้าวสำคัญที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน และช่วยให้เราอยู่ร่วมกับโลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

plant tree seeds

3. ปลูกต้นไม้ ช่วยลดคาร์บอน

ต้นไม้เป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากต้นไม้สามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้นจะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารให้ตัวเอง และปลดปล่อยออกมาเป็นออกซิเจน

ดังนั้น หากเราปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในสวนหลังบ้าน ที่ทำงาน หรือตามทางเดิน จะส่งผลให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลดลง และปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ยังช่วยลดอุณหภูมิในเมือง เนื่องจากต้นไม้ให้เงาร่มรื่นและช่วยดูดซับความร้อนจากอากาศได้ การใช้พลังงานในการทำความเย็นภายในอาคารก็จะลดลงตาม ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการใช้พลังงานลดลงด้วย ดังนั้น การปลูกต้นไม้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดปริมาณคาร์บอนและช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม

recycle reduce reuse

4. หลัก 5Rs: ลด ใช้ซ้ำ ซ่อมแซม รีไซเคิล และทดแทน

เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอย่างมีประสิทธิผล เราสามารถนำหลักการ 5Rs มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ดังนี้:

  1. ลด (Reduce): พยายามลดการใช้ทรัพยากรและพลังงานให้น้อยลง เช่น ใช้น้ำและไฟฟ้าอย่างประหยัด ลดขยะและการใช้พลาสติก เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการใช้จะส่งผลให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศลดลงตาม
  2. ใช้ซ้ำ (Reuse): พยายามใช้ซ้ำผลิตภัณฑ์และวัสดุต่าง ๆ ให้นานที่สุด เช่น ใช้กระติกน้ำซ้ำแทนการซื้อน้ำขวด ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง การใช้ซ้ำจะช่วยลดการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ และลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด
  3. ซ่อมแซม (Repair): เมื่อของเก่าเสีย ให้ซ่อมแซมและบำรุงรักษาเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก แทนการทิ้งและซื้อของใหม่ การยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์จะช่วยลดการผลิตสินค้าใหม่ และลดมลภาวะที่เกิดจากการกำจัดขยะ
  4. รีไซเคิล (Recycle): เมื่อใช้งานไม่ได้แล้ว ให้แยกประเภทและนำวัสดุมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิลจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด ซึ่งเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ทดแทน (Replace): เมื่อจำเป็นต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เลือกใช้สินค้าที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียนหรือวัสดุรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศ

5. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในปัจจุบัน การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบนับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เมื่อเราต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรเลือกสิ่งที่ผลิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เช่น เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล หรือใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ กระดาษ ผ้า แทนวัสดุสังเคราะห์ เนื่องจากวัสดุประเภทนี้จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าในกระบวนการผลิต ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้วัสดุรีไซเคิลได้ หรือมีการนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดปริมาณขยะและการใช้ทรัพยากรในการผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่

การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ ยังจะช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

6. เปลี่ยนจากหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดพลังงาน

หลอดไส้เป็นหลอดไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างไม่มีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อนมากกว่าแสงสว่าง ซึ่งส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก ในทางกลับกัน หลอดไฟประหยัดพลังงาน เช่น หลอด LED หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไส้ แต่ให้ความสว่างเทียบเท่ากัน โดยสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมในครัวเรือนได้ถึง 25-80%

เมื่อเราเปลี่ยนจากหลอดไส้มาใช้หลอดประหยัดพลังงาน จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้า และส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าลดลงด้วย เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานหลัก

นอกจากนี้ หลอดประหยัดพลังงานมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไส้มาก ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหลอดไฟอีกด้วย ดังนั้น การเปลี่ยนจากหลอดไส้มาเป็นหลอดประหยัดพลังงาน จึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

7. การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ

การจัดการขยะเป็นอีกหนึ่งมิติที่มีความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ เนื่องจากการกำจัดขยะโดยวิธีการที่ไม่เหมาะสม เช่น การเผาหรือการฝังกลบ จะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อน
ดังนั้น การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการลด การใช้ซ้ำ และการรีไซเคิล จึงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เริ่มต้นจากการลดปริมาณขยะโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์น้อย หรือสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ การแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน เพื่อง่ายต่อการนำขยะไปรีไซเคิล และการหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดขยะที่ย่อยสลายยาก เป็นต้น

สำหรับขยะที่ไม่สามารถลดหรือใช้ซ้ำได้ ควรมีการคัดแยกออกเป็นประเภท เพื่อให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างเหมาะสม เช่น ขยะกระดาษ พลาสติก แก้ว และโลหะ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือการนำขยะอินทรีย์ไปทำปุ๋ยหมัก

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกำจัดขยะด้วยการเผาในที่โล่ง หรือการฝังกลบอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากวิธีการเหล่านี้จะทำให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ แทนนั้นควรสนับสนุนให้มีระบบกำจัดขยะที่ถูกสุขอนามัย เช่น การเผาขยะในเตาเผาที่มีระบบควบคุมมลพิษ หรือการนำขยะอินทรีย์ไปผลิตเป็นพลังงานชีวภาพ การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั่นเอง

8. ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก

ถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ก่อให้เกิดปัญหามากมายต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากใช้ทรัพยากรปิโตรเลียมในการผลิต และเมื่อนำไปกำจัดด้วยวิธีการเผาหรือฝังกลบ จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ
ในทางตรงกันข้าม

การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เนื่องจากการผลิตถุงผ้ามีการใช้พลังงานและทรัพยากรน้อยกว่าการผลิตถุงพลาสติก อีกทั้งถุงผ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถุงพลาสติก สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง เมื่อถุงผ้าเก่าและชำรุด สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ ในขณะที่ถุงพลาสติกส่วนใหญ่จะเป็นขยะที่ย่อยสลายยาก

นอกจากนี้ การใช้ถุงผ้ายังช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น การปนเปื้อนในแหล่งน้ำและการสร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศ ดังนั้น การเปลี่ยนจากการใช้ถุงพลาสติกมาเป็นถุงผ้าจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน

9. เลือกทานอาหารที่ผลิตในประเทศ

อาหารการกินเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน หากเราเลือกที่จะบริโภคอาหารที่ผลิตและเดินทางมาถึงจานอย่างมีประสิทธิภาพ เราก็จะสามารถลดการใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างมาก

ในแง่ของการผลิต อาหารที่ผลิตใกล้ๆ ในประเทศจะสามารถลดปริมาณการใช้น้ำ ปุ๋ย และเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งลงไปได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับอาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การพยายามลดการบริโภคเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อวัว และหันมาเน้นการบริโภคผักและผลไม้ตามฤดูกาลในท้องถิ่นก็จะเป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ เพราะการเลี้ยงสัตว์ให้เป็นอาหารมักจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่สูง

ในส่วนของการประกอบอาหาร ก็ควรพยายามเลือกใช้วิธีการที่ประหยัดพลังงาน เช่น การใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตาแก๊ส หรือเตาอบ แทนการใช้เตาไฟฟ้าหรือเตาเผาที่ใช้พลังงานในปริมาณที่มาก ดังนั้น การเลือกบริโภคอาหารที่ผลิตใกล้ๆ ในประเทศ ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และปรับเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหารให้ประหยัดพลังงาน จะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน

photovoltaic panels on the roof

10. การเลือกใช้พลังงานหมุนเวียน

ในปัจจุบัน การใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน
ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

พลังงานหมุนเวียนเป็นพลังงานที่ได้จากธรรมชาติและสามารถนำมาใช้ซ้ำได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ในขณะที่การผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศในปริมาณมาก

การเลือกใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือการใช้กังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า จะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ นอกจากนี้ การใช้พลังงานหมุนเวียนยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจากพลังงานเหล่านี้เป็นพลังงานที่ได้มาจากธรรมชาติโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดหา และมีต้นทุนการดำเนินการและบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

ดังนั้น การเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในระดับบุคคล ครัวเรือน และระดับชุมชนได้

เห็นหรือไม่ว่า กิจกรรมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าการดำเนินนโยบายระดับชาติและการลงทุนของภาคธุรกิจจะมีบทบาทสำคัญ แต่การเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระดับบุคคลและครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หากแต่ละคนและแต่ละครอบครัวร่วมมือกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างเป็นแน่อน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับเราและคนรุ่นต่อไป มาลองทำตามวิธีลดคาร์บอนง่ายๆ เพื่อโลกของเรากันเถอะ

อ้างอิง:

Leave a comment