Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Green Skills ทักษะแห่งอนาคตเพื่อโลกที่ยั่งยืน!

Green Skills ทักษะแห่งอนาคตเพื่อโลกที่ยั่งยืน!

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง จากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมการบริโภคและการผลิตของมนุษย์ในปัจจุบันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสำคัญ 3 ประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลภาวะจากขยะมูลฝอย วิกฤตเหล่านี้ได้กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก “Green Skills” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหรือทักษะ ที่สามารถช่วยผลักดันโลกของเราไปในทางที่ดีขึ้น ก่อนที่เราจะไปพูดถึง Green Skills Solwer ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “Green Business” หรือ “ธุรกิจสีเขียว” กันก่อนดีกว่า

clean energy

Green Business ธุรกิจสีเขียว คืออะไร?

วิกฤติสิ่งแวดล้อมโลกกำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชีวิตของผู้คนนับพันล้าน แต่ในท่ามกลางความท้าทายนี้ ธุรกิจสีเขียวกลับเติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างโอกาสใหม่ๆ ธุรกิจเหล่านี้มุ่งเน้นการส่งเสริมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาลทั่วโลกเพื่อบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส

ในยุโรป นโยบาย “Fit for 55” ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนที่ 42.5% ภายในปี 2030 ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานกว่า 4 ล้านตำแหน่งภายในปี 2050 ในขณะที่สหรัฐอเมริกา กฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) ที่เริ่มใช้ในปี 2022 มีแนวโน้มที่จะขยายการจ้างงานสีเขียวถึง 24 ล้านตำแหน่ง หรือ 14% ของการจ้างงานทั้งหมดในประเทศภายในปี 2030

อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่เหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 จะส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยต้องยื่น CBAM Certificate เพื่อแสดงหลักฐานการชำระค่าคาร์บอนตามมาตรฐานสหภาพยุโรป

ในประเทศไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ได้กำหนดเป้าหมายในการสร้างผู้ทวนสอบค่า Embedded Emissions ตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป เพื่อรองรับมาตรการ CBAM นี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การจ้างงานในสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก

โดยสรุป แม้ว่าวิกฤติสิ่งแวดล้อมจะสร้างความท้าทายมากมาย แต่ก็นำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจสีเขียวและการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย การปรับตัวและการเตรียมพร้อมรับมือกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่กำลังจะมาถึง

green business growth

Green Skills หรือ ทักษะสีเขียว คืออะไร?

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตสิ่งแวดล้อมกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแนวคิดเรื่อง “กลุ่มงานสีเขียว” (Green Jobs) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ข้อมูลจาก TCDC แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของการจ้างงานในภาคพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกา โดยเพิ่มขึ้นถึง 237% ระหว่างปี 2017-2022 เทียบกับการเพิ่มขึ้นเพียง 19% ในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ รายงาน Global Green Skills โดย LinkedIn ยังระบุว่ามีการจ้างงานที่ต้องการผู้มีความรู้และทักษะสีเขียวเพิ่มขึ้น 6% โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เพื่อบรรลุเป้าหมายการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส จำเป็นต้องอาศัยการเติบโตของธุรกิจสีเขียว (green business) การจ้างงานสีเขียว (green job) และการพัฒนาทักษะสีเขียว (green skills) ทักษะเหล่านี้รวมถึงการออกแบบอย่างยั่งยืน และความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป

รายงาน Global Green Skills Report 2023 จาก LinkedIn ซึ่งสำรวจข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 930 ล้านคนใน 48 ประเทศ แสดงให้เห็นว่าระหว่างปี 2022-2023 จำนวนงานในธุรกิจสีเขียวเติบโตขึ้น 22.4% และจำนวนแรงงานที่มีทักษะสีเขียวเพิ่มขึ้น 12.3% อย่างไรก็ตาม ทักษะสีเขียวยังคงเป็นสิ่งที่หายาก โดยมีเพียง 1 ใน 8 ของแรงงานทั่วโลกที่มีทักษะสีเขียวมากกว่า 1 ทักษะ ที่น่าสนใจคือ แรงงานที่มีทักษะสีเขียวมีโอกาสได้รับการจ้างงานมากกว่าแรงงานทั่วไปถึง 29% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะเหล่านี้ในตลาดแรงงานปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ LinkedIn ได้ระบุถึง 7 ทักษะสีเขียวที่กำลังเป็นที่ต้องการ พร้อมตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาของตลาดแรงงานในยุคที่การรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนกำลังเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก

“Green Skills” หรือทักษะสีเขียว จึงได้กลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโลกยุคปัจจุบัน ทักษะเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้บุคคลและองค์กรสามารถปรับตัวและรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การพัฒนา Green Skills จึงไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับทุกคนในการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เราต้องเผชิญ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่กำลังคุกคามอนาคตของโลกใบนี้ และช่วยพัฒนาให้โลกของเรายั่งยืน

7 Green Skills ทักษะสีเขียว และ Green Jobs ที่ธุรกิจต้องการ

nature and scientist woman in agriculture research

1. ความรู้และทักษะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change

ทักษะที่ควรมี:

  • ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศและระบบนิเวศ
  • ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศและสถิติ
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสภาพภูมิอากาศ
  • ทักษะการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจง่าย

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. นักอุตุนิยมวิทยา (Meteorologist)

  • ศึกษาและพยากรณ์สภาพอากาศ
  • วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
  • ใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

2. ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร (Agriculture Specialist)

  • พัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อพืชและสัตว์
  • ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

3. ที่ปรึกษานโยบาย (Policy Advisor)

  • วิเคราะห์และเสนอแนะนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ประสานงานระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ผู้กำหนดนโยบาย และภาคประชาสังคม
  • ติดตามและประเมินผลการดำเนินนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ

4. นักชีววิทยาทางทะเล (Marine Biologist)

  • ศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบนิเวศทางทะเล
  • วิจัยการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในทะเลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและระดับน้ำทะเล
  • พัฒนาแนวทางการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

2. ความรู้และทักษะในการออกแบบอย่างยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainable Design)

หลักการพื้นฐาน:

  • การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ความรู้เฉพาะทาง:

  • วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
  • ระบบการจัดการน้ำและของเสีย
  • การออกแบบเพื่อความยืดหยุ่นและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ทักษะที่จำเป็น:

  • การคิดเชิงระบบ
  • ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา
  • การวิเคราะห์วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และอาคาร
  • การใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบและจำลองสถานการณ์

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. ผู้จัดการฝ่ายสถาปัตยกรรม (Architectural Manager)

  • บริหารโครงการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ประสานงานระหว่างทีมออกแบบ วิศวกร และผู้รับเหมา
  • กำกับดูแลให้การออกแบบเป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืน

2. ภูมิสถาปนิก (Landscape Architect)

  • ออกแบบพื้นที่ภายนอกอาคารที่ส่งเสริมระบบนิเวศ
  • วางแผนการใช้พืชพรรณท้องถิ่นที่ทนทานและใช้น้ำน้อย
  • สร้างระบบจัดการน้ำฝนและน้ำใช้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบตกแต่งภายใน (Director of Interior Design)

  • กำหนดแนวทางการออกแบบภายในที่เน้นความยั่งยืน
  • เลือกใช้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ออกแบบระบบแสงสว่างและระบบปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน

4. นักวางผังเมือง (Urban Planner)

  • วางแผนการใช้ที่ดินและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
  • ออกแบบระบบขนส่งสาธารณะและทางจักรยาน
  • สร้างพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิต

5. ผู้ดูแลระบบการก่อสร้าง (Construction Administrator)

  • ควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบและมาตรฐานความยั่งยืน
  • จัดการการใช้วัสดุและการกำจัดของเสียในไซต์ก่อสร้าง
  • ประสานงานการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว เช่น LEED หรือ TREES

3. ความรู้และทักษะด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)

ความรู้พื้นฐาน:

  • ประเภทของพลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม น้ำ ชีวมวล)
  • หลักการทำงานของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนแต่ละประเภท
  • นโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน

ทักษะทางเทคนิค:

  • การออกแบบและติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียน
  • การวิเคราะห์ประสิทธิภาพและการบำรุงรักษา
  • การใช้ซอฟต์แวร์จำลองระบบพลังงาน

ทักษะทางธุรกิจ:

  • การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการ
  • การจัดการโครงการพลังงานหมุนเวียน
  • การเข้าใจตลาดพลังงานและแนวโน้มในอนาคต

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. วิศวกรธุรกิจ (Business Engineer)

  • วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจสำหรับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน
  • พัฒนาแผนธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์พลังงานหมุนเวียน
  • ประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน

2. นักวิเคราะห์การเงินโครงการ (Project Finance Analyst)

  • ประเมินความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการพลังงานหมุนเวียน
  • วิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนและรายได้ของโครงการ
  • จัดทำแบบจำลองทางการเงินและวิเคราะห์ความอ่อนไหว

3. วิศวกรฝ่ายจัดจำหน่าย (Distribution Engineer)

  • ออกแบบและพัฒนาระบบจัดจำหน่ายไฟฟ้าที่รองรับพลังงานหมุนเวียน
  • วางแผนการเชื่อมต่อระบบพลังงานหมุนเวียนเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้า
  • แก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของระบบไฟฟ้าที่เกิดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน

4. ผู้จัดการฝ่ายจัดหาที่ดิน (Land Acquisition Manager)

  • ระบุและประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียน
  • เจรจาต่อรองสัญญาเช่าหรือซื้อที่ดินสำหรับโครงการ
  • ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อขออนุญาตใช้ที่ดิน

5. วิศวกรขายโครงการ (Project Sales Engineer)

  • นำเสนอโซลูชันพลังงานหมุนเวียนให้กับลูกค้า
  • ให้คำปรึกษาทางเทคนิคและการออกแบบระบบ
  • ประมาณการต้นทุนและผลตอบแทนของโครงการ
sustainability and environment with hands and plants

4. ทักษะการบริหารจัดการพืชไร่ (Agronomy)

ความรู้พื้นฐาน:

  • วิทยาศาสตร์ดินและการจัดการดิน
  • สรีรวิทยาพืชและการเจริญเติบโตของพืช
  • การจัดการน้ำและระบบชลประทาน การควบคุมศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management)

ทักษะการวิเคราะห์:

  • การวิเคราะห์คุณภาพดินและความต้องการธาตุอาหารของพืช
  • การประเมินผลผลิตและคุณภาพของพืช
  • การวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศและผลกระทบต่อการเพาะปลูก

ทักษะการจัดการ:

  • การวางแผนการเพาะปลูกและการหมุนเวียนพืช
  • การจัดการฟาร์มแบบแม่นยำ (Precision Agriculture)
  • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเกษตร

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. ผู้ช่วยฝ่ายปฏิบัติการขาย (Sales Operations Assistant)

  • สนับสนุนทีมขายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย หรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
  • วิเคราะห์ข้อมูลการขายและแนวโน้มตลาดสินค้าเกษตร ประสานงานระหว่างทีมขาย ลูกค้า และฝ่ายผลิต
  • จัดเตรียมเอกสารทางเทคนิคและข้อมูลผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า

2. นักกีฏวิทยา (Entomologist)

  • ศึกษาชีววิทยาและพฤติกรรมของแมลงที่เป็นศัตรูพืช
  • พัฒนาวิธีการควบคุมแมลงศัตรูพืชแบบผสมผสาน
  • วิจัยและทดสอบประสิทธิภาพของสารกำจัดแมลง
  • ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรในการจัดการแมลงศัตรูพืช

3. ผู้ผลิตไวน์ (Winemaker)

  • ควบคุมคุณภาพการปลูกองุ่นสำหรับการผลิตไวน์
  • วางแผนและดำเนินการเก็บเกี่ยวองุ่นในเวลาที่เหมาะสม
  • ควบคุมกระบวนการหมักและบ่มไวน์
  • พัฒนาสูตรและรสชาติของไวน์ใหม่ๆ

4. ตัวแทนฝ่ายขายด้านเทคนิค (Technical Sales Representative)

  • นำเสนอและขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น เครื่องจักรกลการเกษตร ระบบชลประทาน หรือเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำ
  • ให้คำปรึกษาทางเทคนิคแก่ลูกค้าเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์
  • วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและเสนอโซลูชันที่เหมาะสม
  • จัดการฝึกอบรมและสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
solar technician

5. ความรู้และทักษะในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency)

ความรู้พื้นฐาน:

  • หลักการของการอนุรักษ์พลังงานและประสิทธิภาพพลังงาน
  • มาตรฐานและข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพพลังงานของอาคารและอุปกรณ์
  • เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสมัยใหม่

ทักษะการวิเคราะห์:

  • การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงาน (Energy Audit)
  • การใช้ซอฟต์แวร์จำลองพลังงานอาคาร
  • การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนของมาตรการประหยัดพลังงาน

ทักษะการจัดการ:

  • การวางแผนและดำเนินการโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน
  • การติดตามและประเมินผลการใช้พลังงาน
  • การสร้างความตระหนักและส่งเสริมพฤติกรรมประหยัดพลังงาน

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. วิศวกรประปา (Plumbing Engineer)

  • ออกแบบระบบน้ำร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง
  • วางแผนระบบน้ำหมุนเวียนเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน
  • เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำเพื่อลดการใช้พลังงานในการสูบและทำความร้อน
  • พัฒนาระบบการนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่จากน้ำทิ้ง

2. ผู้จัดการฝ่ายสาธารณูปโภค (Utilities Manager)

  • วางแผนและควบคุมการใช้พลังงานในระบบสาธารณูปโภคขององค์กร
  • ดำเนินการตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ
  • เจรจาสัญญาการจัดหาพลังงานที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
  • ติดตามและรายงานการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค

3. รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคาร (Vice President, Facilities)

  • กำหนดนโยบายและเป้าหมายด้านประสิทธิภาพพลังงานขององค์กร
  • อนุมัติและสนับสนุนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในอาคาร
  • ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อบูรณาการการจัดการพลังงานในการดำเนินธุรกิจ
  • รายงานผลการดำเนินงานด้านประสิทธิภาพพลังงานต่อผู้บริหารระดับสูง

4. วิศวกรเครื่องทำความร้อนและเครื่องปรับอากาศ (Heating and Air Conditioning Engineer)

  • ออกแบบและติดตั้งระบบ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • ปรับปรุงและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  • พัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อปรับการทำงานของระบบ HVAC ตามการใช้งานจริง
  • วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบ HVAC

6. ความรู้และทักษะในการควบคุมการกัดเซาะ (Erosion Control)

ความรู้พื้นฐาน:

  • กลไกการเกิดการกัดเซาะของดินและน้ำ
  • ผลกระทบของการกัดเซาะต่อสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐาน
  • กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการควบคุมการกัดเซาะ

เทคนิคการควบคุมการกัดเซาะ:

  • วิธีการทางชีวภาพ เช่น การปลูกพืชคลุมดิน
  • วิธีการทางวิศวกรรม เช่น การสร้างกำแพงกันดิน หรือการทำขั้นบันได
  • การจัดการน้ำไหลบ่าหน้าดิน

ทักษะการวิเคราะห์:

  • การประเมินความเสี่ยงของการกัดเซาะ
  • การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ในการทำนายการกัดเซาะ
  • การวิเคราะห์ต้นทุนและประสิทธิผลของมาตรการควบคุมการกัดเซาะ

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. ผู้อำนวยการโยธาธิการ (Director of Public Works)

  • วางแผนและกำกับดูแลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของเมือง
  • กำหนดนโยบายและมาตรการในการควบคุมการกัดเซาะในพื้นที่สาธารณะ
  • จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ
  • ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการจัดการปัญหาการกัดเซาะ

2. ผู้ตรวจสอบการก่อสร้าง (Construction Inspector)

  • ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการกัดเซาะในไซต์ก่อสร้าง
  • ประเมินประสิทธิภาพของระบบควบคุมการกัดเซาะที่ติดตั้ง
  • รายงานการละเมิดข้อกำหนดด้านการควบคุมการกัดเซาะ
  • ให้คำแนะนำในการปรับปรุงมาตรการควบคุมการกัดเซาะ

3. ผู้จัดการโครงการสำรวจ (Survey Project Manager)

  • วางแผนและดำเนินการสำรวจพื้นที่เสี่ยงต่อการกัดเซาะ
  • ใช้เทคโนโลยี GPS และ GIS ในการจัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยง
  • วิเคราะห์ข้อมูลภูมิประเทศเพื่อระบุจุดที่ต้องมีการควบคุมการกัดเซาะ
  • จัดทำรายงานและนำเสนอผลการสำรวจต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

4. นักออกแบบโยธา (Civil Designer)

  • ออกแบบระบบระบายน้ำและโครงสร้างควบคุมการกัดเซาะ
  • ใช้ซอฟต์แวร์ CAD ในการสร้างแบบแปลนและรายละเอียดการก่อสร้าง
  • พัฒนาแนวทางการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมการกัดเซาะ
  • ทำงานร่วมกับวิศวกรและนักสิ่งแวดล้อมในการบูรณาการการควบคุมการกัดเซาะเข้ากับโครงการก่อสร้าง

5. วิศวกรขนส่ง (Transportation Engineer)

  • ออกแบบระบบระบายน้ำสำหรับถนนและทางรถไฟ
  • วางแผนการป้องกันการกัดเซาะสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
  • ประเมินผลกระทบของโครงการขนส่งต่อการกัดเซาะในพื้นที่โดยรอบ
  • พัฒนาแนวทางการบำรุงรักษาระบบขนส่งที่ลดความเสี่ยงต่อการกัดเซาะ
business man on green office rooftop

7. จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Awareness)

ความรู้พื้นฐาน:

  • ระบบนิเวศและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
  • ผลกระทบของกิจกรรมมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม
  • แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ทักษะที่เกี่ยวข้อง:

  • การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
  • การสื่อสารและให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่สาธารณชน
  • การพัฒนาและดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อม

การปฏิบัติ:

  • การลดการใช้ทรัพยากร การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล
  • การสนับสนุนนโยบายและกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม
  • การมีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

อาชีพที่เกี่ยวข้อง:

1. ผู้จัดการอุทยาน (Park Manager)

  • บริหารจัดการพื้นที่อุทยานและทรัพยากรธรรมชาติ
  • พัฒนาโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ
  • จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่ผู้เข้าชม
  • ประสานงานกับชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

2. ผู้ช่วยด้านความปลอดภัย (Safety Assistant)

  • ตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
  • พัฒนาและดำเนินการตามแผนจัดการของเสียและสารอันตราย
  • ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม

3. เจ้าหน้าที่ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System Officer)

  • สร้างและวิเคราะห์แผนที่แสดงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
  • ติดตามการเปลี่ยนแปลงของการใช้ที่ดินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • สนับสนุนการวางแผนการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
  • พัฒนาระบบเตือนภัยด้านสิ่งแวดล้อมโดยใช้เทคโนโลยี GIS

4. นักภูมิศาสตร์ (Geographer)

  • ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
  • วิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภูมิประเทศ
  • วิจัยรูปแบบการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์และผลกระทบต่อระบบนิเวศ
  • ให้คำปรึกษาด้านการวางแผนการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน

5. นักโบราณคดี (Archaeologist)

  • ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอารยธรรมโบราณกับสิ่งแวดล้อม
  • วิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอดีตต่อสังคมมนุษย์
  • พัฒนาแนวทางการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ

หลายคนอาจมองว่า Green skills เป็นสิ่งที่ห่างไกลกับตัวเอง แต่ทักษะสีเขียวนี้เป็นทักษะสำคัญในเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน รายงานจาก LinkedIn พบว่าตำแหน่งงานในธุรกิจสีเขียวเพิ่มขึ้น 22.4% ในปี 2022-2023 แต่มีเพียง 1 ใน 8 ของแรงงานทั่วโลกที่มีทักษะสีเขียวมากกว่าหนึ่งทักษะ ผู้มีทักษะสีเขียวมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงกว่าแรงงานทั่วไปถึง 29% สะท้อนความต้องการสูงในตลาดแรงงานสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การพัฒนาทักษะสีเขียวจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่เราเองก็ไม่ควรเพิกเฉย หากมีโอกาสก็ควรศึกษาเอาไว้ ค่อยๆ ช่วยกันพัฒนาโลกของเราให้ยั่งยืนไปด้วยกัน

อ้างอิง:

Leave a comment